วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ประเภทของกรรม

ประเภทของกรรม

กรรม คือ การกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ ทางกาย(กายกรรม), ทางวาจา(วจีกรรม) หรือ ทางใจ(มโนกรรม) ที่ประกอบด้วยเจตนา ถ้าเป็นการทำความดี เจตนาดี เรียกว่า กุศลกรรม แต่ถ้าเป็นการทำความชั่ว เจตนาชั่ว เรียกว่า อกุศลกรรม

ประเภทของกรรม ทั้งที่เป็น กุศลกรรม และ อกุศลกรรมนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 หมวด หมวดละ 4 ประเภท รวมทั้งหมดเป็น 16 ประเภท คือ

หมวดที่1 กิจจะจตุกะ เป็นการแบ่ง ตามหน้าที่ของกรรม มี 4 ประเภท ได้แก่

1.ชนกกรรม หมายถึง กรรมที่ทำหน้าที่ ส่งให้ไปเกิด สัตว์โลกทั้งหลายทั้งปวง ล้วนมาเกิดด้วยอำนาจของ ชนกกรรมนี้

2.อุปัตถัมภกกรรม หมายถึง กรรมที่ทำหน้าที่ สนับสนุน อุปถัมภ์ค้ำชูกรรมอื่น ให้ได้รับผลมากขึ้น ได้รับ ความสุข ความทุกข์ หรือ กุศลกรรม อกุศลกรรม มากยิ่งขึ้น

3.อุปปีฬิกกรรม หมายถึง กรรมที่ทำหน้าที่ เบียดเบียน บีบคั้น บั่นทอน ผลของกรรมอื่น(ทั้งกุศลกรรม และ อกุศลกรรม) ให้เสื่อมลง อ่อนกำลังลง ทุเลาเบาบางลงไป

4.อุปฆาตกกรรม หมายถึง กรรมที่ทำหน้าที่ ตัดรอน ผลของกรรมอื่น(ทั้งกุศลกรรม และ อกุศลกรรม)ให้หมดไป อย่างเด็ดขาด และ รวดเร็ว เจ้าของกรรม จะได้รับผลในทันทีทันใด

หมวดที่2 ปากทานปริยายจตุกะ เป็นการแบ่ง ตามลำดับ ในการส่งผลของกรรม มี 4 ประเภท ได้แก่

1.ครุกรรม  หมายถึง กรรมหนัก เป็นกรรมซึ่งมีอำนาจ ส่งผลก่อนเป็นอันดับแรก ไม่มีกรรมใด จะมีอำนาจ สามารถขวางกั้น ผลของครุกรรมนี้ได้เลย

2.อาสันนกรรม หมายถึง กรรมใกล้ตาย หรือ กรรมจวนเจียน คือ กรรมที่ทำในช่วงเวลาที่ ใกล้จะเสียชีวิต มีอำนาจส่งผล เป็นอันดับที่สอง รองจากครุกรรม

3.อาจิณณกรรม หรือ พหุลกรรม หมายถึง กรรมที่ทำมากๆ กรรมที่ทำบ่อยๆ ทำจนเคยชิน มีอำนาจส่งผล เป็นอันดับที่สาม รองจากครุกรรม และ อาสันนกรรม

4.กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม หมายถึง กรรมที่เจ้าของกรรม ไม่มีเจตนาทำ ไม่ได้ตั้งใจทำ ทำด้วยเจตนาอันอ่อน สักแต่ว่าทำลงไป เป็นกรรมที่มีอำนาจน้อยที่สุด ส่งผลเป็นลำดับสุดท้าย คือ เมื่อไม่มีกรรมใด ส่งผลแล้ว กรรมนี้จึงจะส่งผล

หมวดที่ 3 ปากกาลจตุกะ เป็นการแบ่ง ตามเวลาในการส่งผลของกรรม มี 4 ประเภท ได้แก่

1.ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ทำในชาตินี้ แล้วส่งผลในชาตินี้ ไม่ต้องรอผลในชาติหน้า หรือ ชาติต่อๆไป

2.อุปปัชชเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ทำในชาตินี้ แล้วส่งผลในชาติหน้า

3.อปราปริเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ทำในชาตินี้ แล้วส่งผลในชาติต่อๆไป คือ ส่งผลตั้งแต่ชาติที่ 3 เป็นต้นไป

4.อโหสิกรรม หมายถึง กรรมที่ไม่ส่งผลอีกแล้ว เลิกส่งผลแล้ว ไม่มีผลอีกต่อไป

หมวดที่ 4 ปากฐานจตุกะ เป็นการแบ่ง ตามฐานที่ผลของกรรม ส่งให้ไปเกิด มี 4 ประเภท ได้แก่

1.อกุศลกรรม หมายถึง กรรมที่ส่งผลให้ ไปเกิดใน อบายภูมิ 4 คือ อสุรกาย เปรต สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน

2.กามาวจรกุศลกรรม หมายถึง กรรมที่ส่งผลให้ ไปเกิดใน สุคติภูมิ 7 คือ มนุษย์ และ สวรรค์ 6 ชั้น

3.รูปาวจรกุศลกรรม หมายถึง กรรมที่ส่งผลให้ ไปเกิดใน รูปพรหม 4 ชั้น

4.อรูปาวจรกุศลกรรม หมายถึง กรรมที่ส่งผลให้ ไปเกิดใน อรูปพรหม 4 ชั้น

สัตว์โลกทั้งหลาย ล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง และ ไม่อาจจะหนีกรรมได้พ้น ทำกรรมใด ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น ดังนั้น ลองพิจารณาด้วยปัญญา ดูเถิดว่า อยากจะรับผลกรรมแบบไหน และ ควรปฏิบัติตนเช่นไร จึงจะได้ตามต้องการ ทั้งในชาตินี้ ชาติหน้า และ ชาติต่อๆไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น